นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ได้สั่งให้ บริษัท ทรูมูฟ เข้าชี้แจงกรณีได้รับร้องเรียนว่ายังจำหน่ายซิมการ์ดในระบบ 1800 เมกะเฮิร์ตซ ซึ่งหมดสัมปทานจาก กสท โทรคมนาคม ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย. 2556 ซึ่งทรูมูฟชี้แจงว่า เป็นซิมการ์ดที่ยังค้างอยู่กับตัวแทนจำหน่าย (ดีลเลอร์) ที่มีอยู่ 2 หมื่นรายทั่วประเทศ
ทั้งนี้ หากผู้ใช้บริการรายใดที่ซื้อซิมการ์ดในระบบเดิมอยู่จะเปิดใช้บริการไม่ได้ โดยทางทรูจะเปลี่ยนซิมใหม่ ภายใต้แบรนด์ ทรูมูฟเอชให้ทันที ไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งรวมไปถึงดีลเลอร์ทุกราย ร้านทรูช็อป และเซเว่น อีเลฟเว่น ที่จำหน่ายซิมทรูทั้งหมด หากยังมีซิมการ์ด 1800 อยู่ทางทรูจะเปลี่ยนเป็นซิมใหม่หมด เนื่องจากได้หยุดทำตลาดระบบ 1800 เมกะเฮิร์ตซ ก่อนวันที่ 15 ก.ย. แล้ว
ปัจจุบัน จำนวนลูกค้าที่ยังอยู่ในระบบเติมเงิน (พรีเพด) ของทรูมีประมาณ 14.5 ล้านราย ลดลงจากช่วงก่อนหน้าที่มีทั้งหมด 16 ล้านราย และมูลค่ายอดเงินหมุนเวียนในระบบเติมเงินลดลงจาก 1,000 ล้านบาท เหลือ 800 ล้านบาท โดยหากทรูสามารถโอนย้ายลูกค้าได้เร็วภายในเดือน มิ.ย.2556 ก็จะเปิดประมูลคลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิร์ตได้
สำหรับความคืบหน้าการติดตั้งสถานีฐานและจำนวนลูกค้าภายใต้ใบอนุญาตให้ บริการระบบ 3 จี 2.1 กิกะเฮิร์ตซ ขณะนี้ผู้ให้บริการทั้ง 3 รายได้ติดตั้งสถานีฐานรวมกันแล้ว 14,328 สถานี มีผู้ใช้บริการรวมกัน 18 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็น แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวิร์ค 9,350 สถานี ดีแทค เน็ทเวอร์ค 4,659 สถานี และเรียลฟิวเจอร์ 319 สถานีที่ได้รับใบอนุญาต และอยู่ระหว่างการขออนุญาตติดตั้งสถานีฐานเพิ่มอีก 2,000 สถานี
นายฐากร กล่าวว่า เมื่อเปรียบเทียบสัดส่วนการติดตั้งสถานีฐานพบว่า ในภาพรวมผู้รับใบอนุญาตได้ขยายสถานีฐาน ไปแล้ว 61% เทียบกับจำนวนการได้รับอนุญาตติดตั้งโครงข่ายโทรคมนาคม และคิดเป็น 60% เมื่อเทียบกับแผนการติดตั้งโครงข่ายในปี 2556
นายจักรกฤษ อุไรรัตน์ รองผู้อำนวยการด้านรัฐกิจสัมพันธ์ ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ตามแผนการติดตั้ง ทรูจะต้องติดตั้งสถานีฐาน 3 จี 2.1 กิกะเฮิร์ตซ จำนวน 2,289 สถานีภายในสิ้นปีนี้ โดยสาเหตุที่ทรูขยายโครงข่าย 3 จีภายใต้ใบอนุญาตน้อยกว่ารายอื่นๆ เนื่องจากทรูได้ขยายโครงข่ายทรูมูฟเอชไปก่อนหน้าแล้ว จำนวน 1.35 หมื่นสถานี
แหล่งข่าวจาก posttoday…